หากว่าเราจะพูดถึงกองหน้าระโลก ชื่อว่าทุกคนจะต้องนึกถึง “โล้นทองคำ” โรนัลโด้ แห่งบราซิลอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็น “โรนัลโด้เมืองไทย” ก็คงหนีไม่พ้นบุคคลนี้ เขาคือ “เจมส์ เศกสรรค์ ปิตุรัตน์
“เจมส์” เป็นบุตรคนสุดท้อง มีพี่น้องทั้ง 8 คน เป็นครอบครัวยากจน เป็นชาว อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จุดเริ่มต้นของคำว่า “โรนัลโด้เมืองไทย” มาจากการเล่นฟุตบอลบนดอย เริ่มจากการแอบตามพี่ชายไปเตะบอลตั้งแต่ 5 ขวบ จนได้พบกับโค้ชคนแรกก็คือ อาจารย์วิชัย จิตรสว่าง ณ โรงเรียบห้องสอนศึกษา ได้สอนการเบสิคการเล่นฟุตบอล และได้ต่อยอดไปเรื่อยๆ จนได้ไปเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงใหม่ ไปเล่นเยาวชนควีนส์คัพ ต่อมาได้เข้ามาเรียนใน กทม. และได้มาเรียนต่อในชั้น ม.6 ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จากการชักชวนของ สมเกียรติ เจติยะวรรณ ก่อนที่เจ้าเจมส์จะมาอยู่กับ “สิงห์สะพานปลา” เคยได้รับการทาบทามจาก กท.คริสเตียนมาก่อนเช่นกัน
จริงๆแล้ว “เจมส์” เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหลังตัวกลางมาตลอด แต่เมื่อเล่นให้โรงเรียนวัดสุทธิฯ ก็ได้ปรับไปเป็นเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับ จนกระทั่งได้มีโอกาสไปร่วมทัพกับ สโมสรสินธนา ในรายการเยาวชนควีนสคัพ พานาโซนิค ได้รับโอกาสให้ไปยืนเป็นศูนย์หน้า ก่อนจะสร้างผลงานด้วยการลงสนาม 131 นัด ทำไป 77 ประตู ช่วงที่ เจมส์ ฟอร์มพีค เป็นช่วงที่เขาได้ค้าแข้งกับ ทีมสินธนา โดยได้แชมป์ ทั้งไทยลีก ,เอฟเอคัพ,ถ้วยพระราชทาน ก. จนมีชื่อติดทีมชาติไทยในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปเล่นให้กับอีกหลายสโมสร เช่น บีอีซี เทโรฯ, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,ทีโอที,ราชวิถี,ตำรวจ ก่อนจะยุติและแขวนสตั๊ดกับ ทีมนอร์ทกรุงเทพ เอฟซี
เขารับใช้ชาติด้วยการติดทีมชาติมาครบทุกชุด ทั้งระดับเยาวชนจงถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่ อาทิเช่น นร.ไทย, เยาวชนรุ่น 16,19 ปี, ซีเกมส์ แชมป์ 1 สมัยที่ บรูไน, คัดบอลโลกที่เคยผ่านเข้าไปเล่น รอบ 10 ทีมสุดท้ายเอเชีย,แชมป์ซูซุกิ อาเซี่ยนคัพ,ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เอเชี่ยนคัพ ที่เลบานอน ,คิงส์คัพ และอีกมากมาย ผลงานในนามชุดใหญ่ ลงสนามไป 47 นัด ยิงไปได้ 19 ประตู
ฉายา “โรนัลโด้เจมส์” ได้มาจาก การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศบรูไน ในปี 1999 ด้วยรูปร่างแถมตอนนั้นพึ่งจะโกนหัวผ่านการเกณฑ์ทหารมา จึงมีลักษณะคล้ายกับ โรนัลโด้ นักเตะชาวบราซิล ด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้นกับลูกยิงที่สวยงาม กับสไตล์การเล่นที่กำลังท็อปฟอร์ม เป็นนักเตะที่มีความเร็ว วิ่งหาช่องว่างได้บ่อยๆ ที่สำคัญ ยิงโป้งเดียวจอดปิดบัญชี และการเข้าฮอร์สที่ส่งบอลซุงตาข่ายอย่างเสมอ รวมถึงการทุ่มเทในการซ้อมอย่างหนัก ทำให้เขาเกิดผลงานที่ยอดเยี่ยมปรากฎให้เห็นกันอยู่เสมอมา
อาจจะมีนักฟุตบอลหลายต่อหลายคนที่มักจะผ่านจุดที่ยากที่สุด ท้อที่สุด แต่สำหรับเขา “เจมส์” ไม่เคยมองเช่นนั้น เขาจะภาคภูมิใจเสมอกับการเล่นฟุตบอล และได้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด การได้รับเกียรติในนามทีมชาติ จากเด็กดอยแต่ได้มีโอกาสได้เล่นกับศูนย์หน้าระดับต้นของเมืองไทย เช่น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง , วรวุธ ศรีมะคะ ซึ่งถือว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว การได้มีเพื่อนร่วมทีมที่ดี แค่นี้มันก็มีค่ามากแล้วสำหรับเส้นทางนี้ นี้คือความสุขตลอดกับการเล่นฟุตบอล
สำหรับชีวิตครอบครัว “เจมส์” ได้สมรสกับ “ก้อย” พิกุล ศรแก้ว ลูกสาวคนเดียวของร้านข้าวเหนียวมูนชื่อดัง ย่านโชคชัย 4 มีบุตรด้วยกัน 2คน ทั้งคู่ได้ไปพบรักกันในซีเกมส์ ที่บรูไน โดย “น้องก้อย” ไปช่วยเหลืองานของคุณพ่อ (พ่อตา) ของ “เจมส์ ที่ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจจัดหางานอยู่ที่นั่น
ปัจจุบัน ได้ลงทุนกับภรรยา เปิดธุรกิจของตัวเอง ขาย เป็ดย่าง,หมูแดง,หมูกรอบ ร้านชื่อ “เฮียเพ้ง” โดยร้านนั้นตั้งอยู่ที่โชคชัย 4 แยก 54 ติดกับร้านขายข้าวเหนียวมูน ช.ศรแก้ว ที่เป็นธุรกิจหลักของครอบครัวภรรยา
และนี่คือ เรื่องราวอดีตกองหน้า ชาวดอย ของเมืองไทย ที่แฟนๆ ยอมรับในสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากคนอื่น รวมถึงชื่นชอบในผลงานที่สร้างสรรค์เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาทุกคน เขาคือ หนึ่งในตำนานฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เยาวชนรุ่นใหม่ควรจะเอาเป็นต้นแบบในการไปฝึกฝนตนเองเพื่อพัฒนาฝึกเท้าและการปรับทัศนคติต่อไป